ประชาธิปไตยในกำมือ

2013-11-30 20.20.07

นับจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี พ.ศ. 2535 คนไทยไม่เคยออกมารวมตัวกันได้มากเท่าครั้งนี้ การแสดงจุดยืนไม่ยอมอ่อนข้อให้กับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย คือสัญญาณเตือนว่า คนไทยที่เคยเงียบเริ่มยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงของนักการเมืองที่กินทั้งนอกและใน กินทั้งในที่ลับและที่แจ้ง แถมยังใช้อำนาจโดยมิชอบในการแก้ไขกฎหมายให้ผู้กระทำผิดพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง

ส.ส.เหล่านั้นเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อประโยชน์อันใด?ประชาชนคนบริสุทธิ์ออกมาคัดค้านต่อต้านกันไปเพื่ออะไร? ใครเป็นผู้ได้และผู้เสียประโยชน์ที่แท้จริงจากหมากกระดานนี้?สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร หากต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเลิกรากันไป? ความแตกแยกระหว่างค่ายสี กับการนับถือผู้นำต่างลัทธิ จะมีวันสมานกลับมาเป็นเนื้อเดียวกันได้หรือไม่?

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ปัจจัยด้านการเมืองเป็นตัวถ่วงดุลให้เศรษฐกิจไทยถอยหลังลงคลองในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราเขากำลังใส่เกียร์ห้าเดินรุดหน้าอย่างก้าวกระโดดคงถึงเวลาแล้วที่เราต้องเร่งจัดการปัญหาภายในประเทศให้ได้ก่อนที่จะถูกประเทศอื่นจัดการในฐานะหุ้นส่วนเล็กๆ คนหนึ่งของประเทศ เราคงทนเห็นนักการเมืองเล่นการเมืองจนชาติล่มจมอย่างนี้ไม่ได้อีกต่อไป

ณ เวลานี้ ทุกภาคส่วนคงต้องหันหน้ามาช่วยกันกอบกู้ประเทศไทยให้ปลอดจากระบบมาเฟียเสียงข้างมากที่โกงกิน เนรคุณชาติอย่างน่าไม่อาย ผมเชื่อว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยนักกับพฤติกรรมของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้านที่อาศัยช่วงชุลมุนนี้ปลุกระดมคนให้มาร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล

ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีเบื้องหน้าและเบื้องหลังเป็นอย่างไร เราคงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรมอย่างที่เคยเป็นมา

ประเทศไทยจะมีความประชาธิปไตยมากกว่านี้ เมื่อคนไทยเคารพในสิทธิและให้เกียรติซึ่งกันและกันโดยสมบูรณ์ ช่วยกันเลือกคนดีเข้าสภา ไม่ใช่เพราะถูกซื้อด้วยเงินหรือนโยบายแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างตอบแทน

พรรคการเมืองไทยจะมีความเป็นเอกภาพกว่านี้ ถ้าภารกิจของพรรคคือการสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์และความสามารถ ไม่ใช่หล่อหลอมให้กลายเป็นคนกัดจิก ไร้วุฒิภาวะ และไร้คุณธรรม

ภาคธุรกิจจะมีความเข้มแข็งกว่านี้ เมื่อมีการรวมตัวกันเพื่อต่อต้านระบบคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังเลิกส่งท่อน้ำเลี้ยงให้ผู้ทรงอิทธิพลเพียงเพื่อให้บริษัทตัวเองชนะการประมูลหรือได้ประโยชน์จากโครงการนั้นๆ

ภาคประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้เมื่อเราตั้งใจทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่ลุ่มหลง มัวเมากับการใช้ชีวิตเกินอัตภาพ ชีวิตที่พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกัน คือปรัชญาทางเศรษฐกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานให้กับประชาชนคนไทย

คอร์รัปชั่นคือจุดเริ่มต้นของความชั่วร้ายทั้งปวง เหนือสิ่งอื่นใดคือเราจะยอมรับได้หรือไม่ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดวงจรอุบาทว์นี้ ความมีจิตสำนึกต่อความรักชาติ คือความไม่ขี้ขลาดที่จะให้คำมั่นว่า “เราจะไม่ทำร้ายประเทศไทยด้วยการเหยียบย่ำหัวใจคนไทยด้วยกันเอง”

เกิดเป็นไทย มีหัวใจ ทำเพื่อชาติ เกิดเป็นปราชญ์ เปี่ยมคุณ ธรรมรักษาสร้างผลงาน ก่อการดี มีศรัทธา มุ่งพัฒนา ชาติไทย ให้รุ่งเรืองอย่าหลงผิด เห็นเรื่องร้าย กลายเป็นชอบ อย่าหลุดขอบ แบ่งพวก สีแดงเหลืองคิดต่างใจ กลายเป็นเรื่อง ขัดขุ่นเคือง เร่งสร้างเมือง รวมไทย ใจเดียวกันร่วมสร้างสม พลกำลัง นำความดี ร่วมสามัคคี ปลูกเศรษฐกิจ คิดสร้างสรรค์เห็นต่างได้ แต่อย่าคิด ทำร้ายกัน สมานฉันท์ ยึดถูกต้อง ใช่ถูกใจจงปฏิเสธ การฉ้อโกง คอร์รัปชั่น จงยึดมั่น ในยุติธรรม ความโปร่งใสชาติไทย จะเป็นไท ด้วยคนไทย ประชาธิปไตย รักษาไว้ ในกำมือ

ใส่ความเห็น